เจาะลึกจุดไฮไลท์! ชมธารน้ำแข็งในพรมแดนขั้วโลกเหนือ “อลาสก้า”
เชื่อว่า “อลาสก้า” คงเป็นหนึ่งปลายทางฝันของใครหลายๆ คน และคงหาคำคุณศัพท์ที่จะมาอธิบายความสวยงาม ความยิ่งใหญ่ของดินแดนต้องมนต์แห่งนี้ได้เยอะมาก มนุษย์แบบเราๆ ก็ควรที่จะหาโอกาสพา 2 ตา 1 ใจ ของเราไปสัมผัสด้วยตัวเองครั้งในชีวิต… และก่อนอื่นเลย เราขอพามิตรรักแฟนคลับของเก็ทอะเวย์เคชั่นไปสำรวจดินแดนแห่งนี้กันก่อนดีกว่า เผื่ออาจจะถูกใจใครบางคนแล้วเก็บไว้เป็นหนึ่งใน Bucket list ของการเดินทางในอนาคตกันจ้า
อลาสก้าสามารถเดินทางเข้าถึงได้เพียง 2 ทาง นั่นคือ เครื่องบิน และ ทางเรือ
แน่นอนว่าการเดินทางสุดฮิตของเส้นทางนี้คงหนีไม่พ้น “เรือสำราญ” ที่สามารถพาท่านล่องชมความงามริมชายฝั่งอลาสก้าและแวะเที่ยวเมืองสำคัญๆ ของดินแดนแห่งนี้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งเข้าถึงธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนขั้วโลกเหนือแห่งนี้ได้อย่างใกล้ชิด จนทำให้สายตาของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ต้องเบิ่งกว้างด้วยความตะลึงในความสวยและความยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
เมืองท่าที่เป็นประตูเริ่มต้นของการล่องเรือสำราญ จะมี 2 เมืองใหญ่ นั่นก็คือ ซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา และ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทเรือสำราญ เส้นทาง และการบริการที่คุณชื่นชอบ เช่น Royal Caribbean Cruises, Celebrity Cruises, Norwegian Cruise Lines, Princess Cruises และตระกูลอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับเมืองท่าที่น่าสนใจของอลาสก้า
เคตชิแกน (Ketchikan)
เมืองหลวงของปลาแซลมอน เมืองนี้ถือเป็นประตูด่านแรกในการเข้าถึงอลาสก้า เคยเป็นชุมชนของชาวประมงมาก่อน มีมุมน่ารักๆ ถ่ายรูปได้เยอะมาก อีกสิ่งที่น่าสนใจของเมืองนี้ก็คือ เราจะเห็นเสาโทเทมกระจายตัวอยู่เยอะมาก และจะบอกว่าเจ้าเสาโทเทมนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละชนเผ่าอินเดียแดงดั้งเดิมที่ได้สื่อสารออกมาในแนวของศิลปะ ลงสี แกะสลักลงบนเสาไม้ ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเคทชิเกนที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองนี้ และมุมที่ไม่ควรพลาดมากที่สุดคือ Creek Street มุมที่มีบ้านไม้เก่าแก่ตั้งเรียงรายกันอย่างน่ารัก ทุกวันนี้เป็นทั้งร้านค้า ขายของที่ระลึก คาเฟ่ และหอศิลป์
จูโน่ (Juneau)
เมืองหลวงของรัฐอลาสก้า มีจุดที่น่าสนใจคือ ธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากโดยการเดินเท้าเข้าไปชมในอุทยาน หากใครอยากสัมผัสบาร์สไตล์คาวบอยแท้ๆ ขอแนะนำที่นี่เลย “Red Dog Saloon” ร้านเก่าแก่เปิดตั้งแต่สมัยยุคตื่นทอง ทุกวันนี้ยังคงตกแต่งร้านในแบบดั้งเดิมทั้งหมด ได้แวะเข้าไปจิบเบียร์ ฟังเพลง ชิมบรรยากาศคนพื้นเมืองแท้ๆ กันสักหน่อย ก็เพิ่มรสชาติของการท่องเที่ยวให้มีสีสันเพิ่มขึ้นไปอีก
Credit : By Diego Delso, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=62791000
สแกกเวย์ (Skagway)
สีสันความพาสเทลในดินแดนขั้วโลกเหนือแห่งนี้ เมืองของนักขุดทอง และเส้นทางรถไฟสาย White Pass& Yukon Route เดิมทีเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เมืองนี้เต็มไปด้วยนักขุดทองที่ใช้เส้นทางรถไฟสายนี้เดินทางเข้าไปขุดทองที่เมืองยูคอนประเทศแคนาดา แต่ทุกวันนี้เส้นทางสายนี้ได้คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่พากันมาชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีให้เห็นอยู่ทุกอณูของดินแดนแห่งนี้
วิกตอเรีย (Victoria)
เมืองแห่งสวนสวย มีลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแวนคูเวอร์ อากาศไม่หนาวเย็นมาก ทำให้เมืองนี้ขึ้นชื่อมากทางด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้ที่สวยดุจดังสวนสวรรค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง Butchart Garden หรือ กิจกรรมการชมปลาวาฬพิฆาต Killer Whale หรือเรียกกันอีกชื่อว่า Orca ในบริเวณท่าเรือใจกลางดาวทาวน์วิกตอเรีย โดยมีอาคารรัฐสภา British Columbia Parliament Buildings ตั้งเด่นเป็น Background ที่สวยงามริมอ่าววิกตอเรีย
ธารน้ำแข็ง (Glacier) ไฮไลท์ของทริปนี้
Hubbard Glacier
ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ มีขนาดความยาวถึง 121 กิโลเมตร กว้างถึง 11 กิโลเมตร และสูงกว่า 185 เมตร ด้วยภาวะโลกร้อนธารน้ำแข็งหลายๆ ที่เกิดการละลายและหดตัวลงในภาวะที่น่าเป็นห่วง แต่ที่ Hubbard Glacier นั้นกลับมีการก่อตัวเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากการสะสมของหิมะ แล้วไหลมาทับถมจนก่อนตัวเป็นธารน้ำแข็งชั้นแล้วชั้นเล่าเรื่อยๆ ไป
Endicott Arm and Dawes Glacier
ตั้งอยู่ในบริเวณของ Fords Terror Wilderness area ถือเป็นหนึ่งใน unseen in Alaska ที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนหรือเรือสำราญน้อยรายจะได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสอย่างแท้จริง มีความยาวของธารน้ำแข็งประมาณ 15 ไมล์ ล่องเรือเข้าไปสุดทางของ Endicott Arm ระยะทาง 32 ไมล์ ก็จะพบกับเจ้าไฮไลท์ของสถานที่นี้นั่นก็คือ Dawes Glacier
Sawyer Glacier and Tracy Arm Fjord
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ไม่ไกลจากเมืองจูโน่ มีพื้นที่ธารน้ำแข็งประมาณ 6 แสนกว่าเอเคอร์ (2 พันกว่าตารางเมตร) Tracy Arm Fjord มีความยาวประมาณ 48 กิโลเมตร เมื่อล่องเรือเข้าไปสุดทางของ Tracy Arm Fjord เราก็จะเจอไฮไลท์ของเส้นทางนี้นั่นก็คือ Sawyer Glacier ซึ่งมีความยาว 25 ไมล์ ตัว Tracy Arm Fjord เกิดการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง The twin Sawyer Glaciers ได้แก่ North Sawyer และ South Sawyer บนเทือกเขา จนแผ่นดินเว้าแหว่งลึกลงไป พอน้ำแข็งละลายก็กลายเป็นผืนน้ำยาว แต่บริเวณนี้ไม่กว้างมาก ดังนั้น เรือสำราญที่จะเข้าไปได้ก็จะมีขนาดไม่ใหญ่มากเช่นกัน
เป็นยังไงกันบ้างล่ะ เห็นอย่างนี้แล้วคันไม้คันมือ คันเท้าสองข้าง อยากแพคกระเป๋า แล้วออกไปสำรวจโลกกว้างใบนี้กันแล้วหรือยัง หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการค้นหา “ประสบการณ์ชีวิต” มากกว่าคำว่า “การเดินทางท่องเที่ยว” ติดต่อมาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราได้เลย… Getawaycation and Organizer!
